ตลาดออนไลน์ เป็นการทำตลาดที่มีส่วนผลทางการตลาดเดิมเพียง 4 ด้าน คือ Product, Price, Place, Promotion อยู่แล้ว แต่การตลาดออนไลน์เพิ่มอีก 2 ด้าน คือ Personalization และ Privacy ทั้งนี้เพื่อเป็นการผสมผสานระหว่างการตลาดแบบเดิมที่เพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยี เกิดเป็นองค์ประกอบของตลาดแบบใหม่ สามารถทำให้ธุรกิจออนไลน์เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ช่วยให้เจ้าของกิจการประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น เกี่ยวกับสินค้า เกี่ยวกับพนักงาน และธุรกิจสามารถทำการค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะมีผู้ใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มปริมาณการซื้อขายได้ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของธุรกิจจะต้องมีความเข้าใจในตัวสินค้าของตนเอง ช่องทางการประชาสัมพันธ์ การกำหนดเป้าหมายของธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อให้การพัฒนาสื่อตลาดออนไลน์มีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนผสมทางการตลาดประกอบด้วย
1. ผลิตภัณฑ์ (Product)
ธุรกิจที่มีเว็บไซต์สวยงาม ตื่นตาตื่นใจ แต่ผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้ ดังนั้น ผู้ผลิตควรที่จะมีการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ของตนเอง ว่ารูปแบบควรเป็นลักษณะใด การใช้ประโยชน์ของสินค้า และกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ซื้อ
2. ราคา (Price)
ธุรกิจจึงควรเน้นการตั้งราคาให้เหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า หมั่นตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่แข่งใกล้เคียง โดยจะต้องคำนึงน้ำหนักของสินค้า ระยะทางการจัดส่งสินค้า จะต้องระบุราคาได้ว่าลูกค้าในแต่ละประเทศถ้ามีการซื้อสินค้าของธุรกิจเรา จะต้องซื้อในราคาเท่าไร เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผู้กำหนดราคา จะต้องคำนึงถึงต้นทุนการผลิตให้รอบครอบ หรือความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะ
3. ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place)
การหาทำเลสำหรับการทำเว็บไซต์ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เปรียบเสมือนกับการตั้งชื่อร้านค้า โดยมีศัพท์ทางอินเทอร์เน็ตเรียกว่า โดเมนเนม (Domain Name) ในทางอินเทอร์เน็ตนั้นไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพ ซึ่งลูกค้าจะต้องทำการเข้าสู่ร้านค้าโดยจดจำชื่อร้าน จึงควรเลือกชื่อที่จดจำได้ง่าย หากมีโอกาสเปิดช่องทางการค้าตามวิธีปกติได้ก็ควรจะทำควบคู่กันไปด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ การมีเว็บไซต์นั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่ลูกค้าก่อนตัดสินใจซื้อ หรือมีการซื้อซ้ำได้
4. การส่งเสริมการขาย (Promotion)
การส่งเสริมการขายบนเว็บไซต์เป็นสิ่งจำ ที่เรียกว่า ป้ายโฆษณาบนเว็บไซต์ (Banner Advertising) มีลักษณะคล้ายสื่อสิ่งพิมพ์ แต่จะแสดงบนเว็บไซต์อื่น เช่น การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์โดยการลงทะเบียนในเว็บไซต์ การประมูลขายสินค้าในเว็บไซต์ การบริการหลังการขายก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะสามารถ ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และอาจกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ หรืออาจบอกต่อเพื่อนๆ ให้มาใช้บริการร้านออนไลน์ของผู้ขายต่อไปได้
5. การให้บริการแบบเจาะจง (Personalization)
ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทำให้เว็บไซต์ที่จัดทำขึ้น สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนได้ สามารถให้บริการแบบเจาะจงกับลูกค้าแต่ละรายได้ และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภท Data Mining ทำการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ในการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละราย รวมทั้งการเสนอขายสินค้าแบบ Cross Sell นอกจากนี้ยังสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปพัฒนาการให้บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ ด้วยระบบ Call Center ได้อีกทาง
6. การรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy)
เมื่อมีการซื้อขายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ซื้อต้องมีการกรอกข้อมูลส่วนตัวของตนส่งไปให้ผู้ขาย ดังนั้น ผู้ขายจะต้องรักษาความลับของข้อมูลเหล่านี้ โดยต้องไม่เผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าก่อนได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ดูแลเว็บไซต์จำเป็นต้องสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ว่า ข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกโจรกรรมออกไปได้ โดยผู้ขายจะต้องระบุนโยบายเกี่ยวกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้า หรือ Privacy Policy ให้ชัดเจนบนเว็บไซต์ และปฏิบัติตามกฎนั้นอย่างเคร่งครัด
การทำธุรกิจออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ขยายการตลาด ใช้เวลาในการโปรโมทสินค้าได้รวดเร็ว ทำให้ลดระยะเวลาในการโปรโมท เข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึงไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ใกล้หรือไกล และที่สำคัญที่สุดประหยัดค่าใช้จ่ายในการโปรโมทเมื่อเปรียบเทียบกับสื่อต่างๆ นำการตลาดออนไลน์ไปใช้ ในธุรกิจของคุณดู